Insurgent คนกบฏโลก หนังภาคต่อจากวรรณกรรมขายดี เรื่องราวของทริส สาวน้อยไดเวอร์เจนต์ที่ลุกขึ้นท้าทายอำนาจของเจนนี นี่คือภาคที่สองจากหนังสือเล่มที่สอง ‘Insurgent คนกบฏโลก’ ที่แว่วว่าเล่มสุดท้ายจะกลายเป็น 2 ภาคย่อย (ตามเคย) ในโลกที่มนุษย์เหลือรอดกันเป็นกลุ่มสุดท้าย จนต้องจัดระเบียบสังคมด้วยการแบ่งแยกผู้คนของเป็นกลุ่มๆ ซึ่งได้แก่ Abnegation กลุ่มผู้เสียสละ, Amity กลุ่มผู้สันติ, Candor กลุ่มผู้สัตย์ซื่อ, Erudite กลุ่มผู้รอบรู้ และ Dauntless กลุ่มผู้กล้า
เรื่องราวของโลกอนาคตที่มนุษย์เหลืออยู่จำนวนไม่มาก หรือโดนจัดกลุ่มแยกตามความถนัดของตัวเองซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะทำหน้าที่ในการบริหารจัดการและใช้ชีวิตของตัวเองไป ทว่ามีคนบางพวกที่มีความถนัดมากกว่า 1 อย่างหรือพูดง่ายๆว่าไม่สามารถจัดอยู่ในกลุ่มใดได้เลยจึงถูกเรียกได้ว่า “ไดเวอร์เจนท์” เหตุการณ์ในภาคแรกทริซต้องสูญเสียแม่ของตัวเองไปจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เจอนีน (เคท วินสเลต) หัวหน้ากลุ่มทรงปัญญา(Erudite) พยายามจะยึดครองระบบทั้งหมดของสังคมเอาไว้ในกำมือของตัวเอง เหตุการณ์โดยสังเขปของภาคนี้ก็คือทริซและโฟร์ (เธโอ เจมส์)ต้องเดินทางไปยังเขตของกลุ่มสันติ (Amity) เพื่อขอความช่วยเหลือและสร้างพันธมิตรในการร่วมต่อสู้ แต่ทว่าเจอนีนก็ตามล่าตัวทริซจนพบทำให้เธอต้องหนีไปพึ่งพากับพวกไร้กลุ่ม (Factionless) ซึ่งมีเอฟเวอร์ลีน (นาโอมิ วัตต์ส) เป็นผู้นำกลุ่มเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทริซและโฟร์ต้องเดินทางไปขอร้องความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้คุมกฎ(Candor) จากแจ็ค คัง (แดเนียล แด คิม) กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความมีสัจจะและความซื่อสัตย์ คนในกลุ่มผู้คุมกฏจะไม่พูดปดและมีความลับต่อกัน ทำความทริซถูกทดสอบความจริงบางอย่าง
ภาพรวม ‘Insurgent’ ค่อนข้างทำหน้าที่ของผู้ให้ความบันเทิงด้านแอ็คชั่นได้อย่างคล่องแคล่วกว่าแต่ก่อน ฉากลุ้นก็ลุ้นเอาใจหายใจคว่ำเหมือนกัน ผสมผสานกับซีจีที่มาแบบจัดเต็มมากขึ้น แม้เมื่อดูบนจอใหญ่อย่าง IMAX 3D จะพบว่าไม่เนียนก็ตาม ภาพบนจอยักษ์ที่เป็นสามมิติ ดูพุ่งเข้าตาอยู่หลายฉาก แต่บางฉากก็ดูเฉยๆ หากพลังเสียงของโรงนี้กระหึ่มเลยล่ะ แต่ก็ใช่ว่าหนังจะให้เวลากับแอ็คชั่นเสียแต่เพียงฝั่งเดียว บทจะดราม่าก็เรียกได้ว่า เอาจริงเอาจังเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่วู้ดลีย์อย่างทำให้เราอินได้ไม่ถึงขั้นที่เจนลอว์ แห่ง ‘The Hunger Games’ เคยทำเอาไว้ได้เท่านั้นเองฃ
เรื่องราวที่ดูมีสีสันมากขึ้น แม้ว่ายิ่งดูๆ ไป ก็จะยิ่งรู้สึกได้ถึงไอเดียที่ใกล้เคียงกับหลายๆ เรื่องที่ได้ดูมา การเล่าเรื่องอาจจะไม่ถึงขั้นอ่อนด้อย แต่ถ้าปรับให้กลมกล่อมกว่านี้ก็น่าจะได้รับคำชื่นชมเพิ่มขึ้นมาก บทสรุปของหนังชวนให้นึกสงสัยไปไม่น้อยว่าที่ผ่านมามันคืออะไร เม้กเซ้นส์พอไหมกับเรื่องที่เล่ามาทั้งสองภาค หรือยังน่าจะมีอะไรที่มากกว่านี้อีกไหมเพื่อช่วยให้เรื่องราวมันชวนสมจริงยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยฉากน่าสงสัย ที่ทำเอาหลายคนอยากชมภาคต่อในทันที
👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ แนะนำหนังดัง หนังฮอลลีวูด





Comments
Post a Comment